ระบบการใช้บัตรเครดิตชำระเงินที่ร้านค้าเมืองนอก กับ เมืองไทย

ท่านคิดอย่างไรกับระบบการใช้บัตรเครดิตชำระเงินที่ร้านอาหาร ที่เมืองนอก กับ เมืองไทย

ในความเห็นส่วนตัวของแอนเมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศ เช่น โซนยุโรป หรือ โซนอเมริกา ไม่ว่าไปทานอาหารร้านไหน พอถึงเวลาเรียกเช็คบิล พนักงานเสิร์ฟ หรือ พนักงานเก็บเงิน เค้าจะนำเครื่องรูดบัตรมารูดบัตรเก็บเงินถึงโต๊ะอาหารเลย เพื่อความมั่นใจว่าเค้าไม่ได้เอาบัตรเราไปทำอะไร

บางบัตรเครดิตเวลาใช้ก็ไม่ได้ส่ง SMS มาแจ้งเตือนทางมือถือ หรือมีเตือนมาที่มือถือ แต่บางท่านไปเมืองนอกอาจจะไม่เปิด Roaming ไป ก็ปิดเครื่องไปเลย

อยากให้ทุกร้านในเมืองไทย ว่าถ้าเป็นไปได้…. จะดีมากๆเลยนะคะ ถ้าทำแบบที่กล่าวมาข้างบน จะเดินไปจ่ายที่ Counter Cashier ก็ยังดีซะกว่า ให้พนักงานเอาบัตรเราไปรูดชำระเงินโดยที่เราไม่เห็น

เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่อง ความปลอดภัยในเรื่องการใช้เงิน ความสบายใจ และความเชื่อใจกันและกัน เพราะบางทีเวลาใช้ที่เมืองไทย ใบแจ้งยอดในบัตรเครดิตยังมียอดซ้ำ 2 ยอด เช่นค่าอาหาร ค่าน้ำมัน เป็นต้น ถึงคราวนี้งานเข้าโทรไปหาทางบัตรเครดิตกันให้วุ่นเพื่อ Hold ยอดไว้จนกว่าจะพิสูจน์ได้จริงว่าเราไม่ได้ใช้

บางบัตรให้เราติดต่อกับทางร้านค้าเอง หรือบางบัตร ก็ดำเนินการให้ >.<” เพลีย วันๆ เอาแต่แก้ปัญหาเรื่องพวกนี้

แอนว่ามันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงอะไรที่ต้องหยิบเครื่องรูดบัตร มารับชำระเงินที่ตัวลูกค้าแล้วรูดบัตรให้เค้าเห็นว่าเรา เก็บเงินเค้ายอดนี้จริงๆ เราเองเจ้าของบัตรยินดีที่จะชำระหรือไม่ ถ้าตรงกับค่าใช้จ่ายจริงก็กดรหัส 4 ตัว หรือ เซ็นลง Slip ก็ถือว่าเป็นอันจบค่ะ ^^

ยังไม่รวมพวกตู้อัตโนมัติต่าง ๆ ในบางประเทศ ที่ส่วนใหญ่จะรับแต่บัตรเครดิต เช่น ตู้ซื้อตั๋วรถไฟ ปั้มน้ำมัน ก็จะใช้ไม่ได้ เพราะบัตรเครดิตเมืองไทยไม่รองรับระบบ PIN ต้องใช้ลายเซ็นเท่านั้น

ทำให้ต้องวิ่งวุ่นหาตู้ที่รับ Cash (เงินสด) บางตู้รับธนบัตรหยอดเกินก็ทอนก็โชคดีไป แต่บางตู้รับแต่เหรียญ ก็ต้องไปแลกเหรียญมาหยอด 20-30 Euro ก็ต้องไปหาเหรียญมาเป็นกำ ๆ ไม่ก็ต้องหาตู้ที่มีคนประจำอยู่เพื่อให้เค้า Print สลิปบัตรเครดิตมาให้เราเซ็น

หรือ ที่แย่กว่านั้น อาจต้องรบกวนขอยืมคนอื่นให้จ่ายแทนด้วยบัตรเครดิตของเค้า แล้วค่อยจ่ายเงินสดให้เค้าไป ลำบากที่สุด กว่าจะแนะนำตัว กว่าจะเจรจากันรู้เรื่องว่าเราไม่ใช่พวกต้มตุ๋น ทำให้เสียอารมณ์ในการเที่ยวได้ค่ะ